ตลาด E-Commerce จีน เครื่องมือบุกตลาดจีนช่วง COVID-19
หลายประเทศทั่วโลกเริ่มปรับตัวและรับมือกับโรคระบาด COVID-19 ได้ดีขึ้น จนบางประเทศมีการฉีดวัคซีนทำให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตกันเป็นปกติแบบไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยกันแล้ว แต่ในบางประเทศยังคงต้องรับมือกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังขึ้นๆ ลงๆ อยู่เป็นระยะ และไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีกนานแค่ไหนที่สถานการณ์ทั่วโลกจะกลับสู่ปกติอีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญคือโลกแห่งธุรกิจนั้นรอไม่ได้อีกต่อไป สำหรับใครที่ต้องการเจาะตลาดจีนในตอนนี้ เรามีแนวทางการบุกจีนผ่าน ตลาด E-Commerce จีน ที่เหมาะสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจ ทั้งรายเก่า รายใหม่ รายเล็ก และรายใหญ่มาฝาก รวมถึงอีกหนึ่งวิธีที่กำลังมาแรงในยุคนี้อย่าง Social Commerce ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์แบบเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ตลาด E-Commerce จีน ตลาดที่เติบโตและใหญ่ที่สุดในโลก
แม้ปัจจุบันยังคงมีอุปสรรคในเรื่องของการเดินทางระหว่างประเทศ จากเหตุการณ์ COVID-19 ยังไม่คลี่คลายในหลายประเทศ เหลือเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายชาวจีนได้ คือ อินเทอร์เน็ต ที่ยังคงเชื่อมโยงคนทั่วโลกเข้าหากันอยู่ในทุกวัน ซึ่งการจะขายสินค้าไปจีนผ่านช่องทางออนไลน์นั้น สามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่มีอยู่หลากหลายเจ้าในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่อย่าง Tmall, JD.com หรือ Taobao, Pinduoduo, Sunning และ VIP ซึ่งขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในตลาด E-Commerce จีน จนทำให้จำนวนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 610 ล้านคนในปี 2018 เพิ่มเป็น 749 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณเกือบ 62 ล้านล้านบาท
หลังจากการมาถึงของ COVID-19 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ทำให้ทุกคนต้องเว้นระยะห่างในการใช้ชีวิต การเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะต่างประเทศ มีความลำบากมากขึ้น อุปสรรคเหล่านี้เองที่ทำให้ ตลาด E-Commerce ในหลายประเทศ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในประเทศที่มีจำนวนประชากรกว่า 1,400 ล้านคนอย่างประเทศจีน จนเกิดเป็นกำลังซื้อมหาศาลใน ตลาด E-Commerce จีน ชาวจีนจำนวนมากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคมาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ซื้อสินค้า ติดต่อสื่อสาร ชำระค่าบริการต่างๆ ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ชาวจีนรุ่นใหม่จำนวนมากคุ้นเคยกันอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่ก่อนแล้ว แต่ COVID-19 เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุชาวจีนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งจำนวนมากที่สุดในโลก ถึง 156 ล้านคน หันมาอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้นด้วยเช่นกัน
Cross-Border E-Commerce ขายสินค้าไปต่างประเทศรวดเร็วกว่าเดิม
สำหรับในธุรกิจขนาดใหญ่ ทางประเทศจีนเองก็มีการสนับสนุนธุรกิจต่างประเทศที่ต้องการขายสินค้าไปจีนด้วย Cross-Border E-Commerce หรือการค้าข้ามพรมแดน สามารถทำการซื้อขายผ่าน E-commerce แพลตฟอร์มของจีน และผู้ซื้อหรือลูกค้าในประเทศจีนสามารถได้รับสินค้าไวขึ้น รวมถึงในอัตราภาษีที่ถูกกว่า ด้วยการสร้างพื้นที่หรือโกดังไว้ในเขตหรือเมืองต่างๆ เพื่อลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าที่ต้องการนำเข้ามาขายในประเทศจีนมาสต็อกไว้ หรือในทางกลับกันเช่นกัน ซึ่งในการส่งสินค้าข้ามประเทศนั้นปกติใช้เวลานานถึง 15-30 วัน หรือถ้าอยากให้เร็วขึ้นก็ต้องใช้บริการขนส่งทางอากาศซึ่งตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ Cross Broder E-Commerce ช่วยทำให้ระยะเวลาสั้นลงเหลือเพียง 3-4 วันเท่านั้น
โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้เพิ่มเขตพื้นที่สำหรับ Cross Border E-Commerce อีก 46 เขต รวมทั้งหมดเป็น 105 เขต และเพิ่มเมืองนำร่องอีก 50 เมือง รวมเป็น 86 เมือง ส่งผลให้ในปัจจุบันเขต Cross-Border E-Commerce ทั้งหมด 105 เขต นั้นครอบคลุมแทบทุกภูมิภาคของจีน ยกเว้นเพียงทิเบต โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจ้อเจียง เจียงซู ซานตง และฝูเจี้ยน
ถึงแม้ Cross-Border E-Commerce จะมีข้อดีคือสามารถส่งสินค้าไปสต็อกไว้ในประเทศนั้นๆ เพื่อเตรียมจัดส่ง แต่ก็มีข้อเสียคือต้องมีความแม่นยำในการคาดการณ์สินค้าที่จะนำไปเก็บไว้ในสต็อก ต้องเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มที่จะขายได้ ไม่กลายเป็นสินค้าค้างสต็อก ที่อาจตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะ E-commerce ในจีนบางเจ้า ก็มีโกดังสำหรับให้ธุรกิจที่มีความพร้อม นำสินค้าไปสต็อกไว้เพื่อกระจายสู่ลูกค้าภายในจีนได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่สำหรับบางธุรกิจที่ยังไม่พร้อมจะส่งของไปสต็อก ก็สามารถบุกตลาดจีนผ่าน ตลาด E-commerce จีน ได้ด้วยการส่งสินค้าไปขายในจีนผ่านแพลตฟอร์ม Cross-Border E-Commerce ทุกเจ้าเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาเท่านั้นก็ได้
Social Commerce ช่องทางบุกตลาดจีนที่กำลังมาแรง
สำหรับผู้ที่หาข้อมูลเกี่ยวกับการทำการตลาดจีน ย่อมต้องรู้ดีถึงความมาแรงแซงทุกโค้งของ WeChat เพราะเป็นแอปพลิเคชันยอดฮิตที่อยู่ในทุกจังหวะชีวิตประจำวันของชาวจีน จนนับว่าเป็นแอปพลิเคชันที่เกือบจะเป็น Super APP หรือที่เรียกว่าแอปฯ เดียว ทำได้ทุกอย่าง
WeChat เติบโตอย่างต่อเนื่องแฝงนัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของชาวจีน ตามมาด้วยอิทธิพลด้านการทำการตลาด เพื่อการเข้าถึงและเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีน โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา WeChat มี Daily Active Users (DAU) หรือจำนวนผู้ใช้ในแต่ละวันสูงถึง 440 ล้านบัญชี และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 500 ล้านบัญชี ตั้งแต่ต้นปี 2021 และมี Monthly Active Users ยอดผู้ใช้งานสะสมในแต่ละเดือน ทะลุ 1,000 ล้านบัญชีตั้งแต่ปี 2019
ในปี 2020 ที่ผ่านมานับได้ว่าเป็นปีทองของ WeChat จากสาเหตุที่คนจีนจำนวนมากต้องกักตัวอยู่ที่บ้านทำให้มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งก็ถูกใช้ไปกับสิ่งต่างๆ บนโลกออนไลน์ รวมถึง WeChat ด้วยเช่นกัน ในปี 2020 มีผู้ใช้งาน VDO Call ผ่าน WeChat สูงถึง 330 ล้านบัญชี จากบัญชี WeChat ทั้งหมด 1 พันล้านบัญชี และมีผู้ที่เล่น WeChat Moments ที่เปรียบเสมือนฟีด Facebook และ IG มากถึง 780 ล้านคน มีการส่งข้อความกันมากกว่า 45,000 ล้านข้อความต่อปี และมีผู้ใช้งานบน WeChat Official Account สูงถึง 360 ล้านบัญชี ซึ่ง WeChat Official Account นี้เปรียบเสมือน Line Official Account ที่เปิดให้แบรนด์มาสร้างบัญชีทางการบน WeChat เพื่อใช้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและลูกค้า
นอกจากนี้ใน WeChat ยังมีอีกหนึ่งฟังก์ชัน ที่สร้างความสะดวกสบายสำหรับนักการตลาดในการทำการตลาดออนไลน์จีน อย่าง WeChat Mini Program เป็นเหมือนแอปฯ ที่ซ้อนอยู่ใน WeChat คือการเปิดให้แบรนด์และธุรกิจไปร้านค้าเพื่อขายของได้
“WeChat Mini Program เปิดตัวเมื่อปี 2017 จากสถิติล่าสุดพบว่ามีการทำธุรกรรมบน WeChat Mini Program มากกว่าวันละ 1 พันล้านครั้ง และในปี 2020 มีคนมากกว่า 100 ล้านคนที่ซื้อของจากร้านค้าและห้างสรรพสินค้าบน WeChat Mini Program”
ด้วยความที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแทบทุกด้านของผู้บริโภค ทำให้ WeChat กลายเป็นแอปพลิเคชันที่คนจีนใช้เยอะที่สุด ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำการตลาด เพราะนอกจากจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากได้แล้ว ยังเป็น Social Media สำหรับแบรนด์หรือธุรกิจ ในการสื่อสารและพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง สามารถปิดการขายผ่านแชทได้ทันที เมื่อกลุ่มเป้าหมายซื้อสินค้าจนกลายเป็นลูกค้า แบรนด์ยังสามารถสร้าง WeChat Group เกิดเป็น Community เล็กๆ สำหรับโปรโมทเรื่องต่างๆ หรือทำ Customer Relationship Management (CRM) ในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อีกด้วย
ข้อดีสำหรับนักการตลาดในการทำการตลาด Social Commerce บน WeChat คือเป็นแอปฯ เดียวที่ครบเครื่องแบบ One Stop Service สะดวกในการทำ Social Commerce ในทุกกระบวนการทำงาน ตั้งแต่โปรโมท พูดคุย ปิดการขาย บริการหลังการขาย สร้างความสัมพันธ์ เก็บข้อมูล นำมาวิเคราะห์ เพื่อทำการตลาดพัฒนาแบรนด์และธุรกิจต่อไป แบบที่ E-Commerce ไม่สามารถทำได้ครบทุกขั้นตอนขนาดนี้
หากคุณสนใจทำการตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ รวมถึงประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น E-Commerce หรือ Social Commerce ทางบริษัท V-Click Technology เป็นผู้ให้บริการด้านการตลาดทุกรูปแบบ และยังเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตลาดเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการทำการตลาด เราคือที่แรกและใหญ่ที่สุดที่ให้บริการด้านการทำการตลาดต่างประเทศ ให้แก่แบรนด์และธุรกิจไทยที่ต้องการบุกไปตีตลาดในประเทศต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาเราได้ที่ Sales@v-click.co.th เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมสนับสนุนและวางแผนการทำการตลาดให้คุณตั้งแต่ต้นจนจบ